ธรรมชาติบำบัด “ดีต่อกาย ดีต่อใจ”

ในวันที่หัวใจอ่อนล้าจากเรื่องหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน หรือปัญหาส่วนตัวที่ยังแก้ไม่ตก สับสนวุ่นวาย มองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกสูง การจราจรติดขัด หลายครั้งที่คนเรามักจะเกิด “ความเครียด” โดยที่ไม่รู้ตัว เปรียบเสมือนศัตรูตัวร้ายที่เข้ามาทักทาย

การสะกดจิตตัวเองว่า ‘จงอย่าเครียด’ ‘จงปล่อยวาง’ ‘จงมีความสุข’ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ดังนั้นการใช้ธรรมชาติมาเป็นตัวช่วยบำบัด จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะร่างกายของเราตอนนี้ อาจกำลังต้องการความสดชื่นของต้นไม้ กลิ่นไอดินของภูเขา ความสงบเมื่อเห็นทะเลที่ทอดยาว และความเย็นสบายจากสายน้ำ เหมือนกับคำพูดที่บอกว่า “...แล้วธรรมชาติจะเยียวยาคุณเอง”

เริ่มจาก ‘การออกไปพื้นที่สีเขียว’ สูดอากาศดีๆ เข้าปอด ใช้เท้าสัมผัสกับพื้นหญ้า จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น ในระยะยาวสามารถลดภาวะซึมเศร้า อาการวิตกกังวล โรคหัวใจ ไปจนถึงไมเกรนได้ด้วย

ต่อด้วย ‘การฝึกหายใจเข้าหายใจออก ลึกๆ’ วิธีนี้ดีต่อระบบประสาท ทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิ มีสติรับมือกับสิ่งต่างๆได้อย่างดี วิธีนี้สามารถปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกเวลา

‘กินอาหารที่มีประโยชน์’ โดยเฉพาะอาหารที่ทำมาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งจนเกินไป ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนปลอดภัย ทำให้แข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

 ‘ออกไปรับวิตามิน D’ ที่แสนดี ‘Sunshine Vitamin’ จากแสงแดดอ่อนๆ ของดวงอาทิตย์บ้าง เพราะวิตามินชนิดนี้มีประโยชน์สำคัญต่อร่างกาย เป็นทั้งตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมเสริมสร้างกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต ช่วยคลายความเครียด และลดภาวะโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย

ที่สำคัญที่สุดคือ ‘การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ’ เพราะธรรมชาติของมนุษย์เรา ต้องการการนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะจะทำให้ร่างกายและสมองได้มีเวลาพักผ่อนซ่อมแซม ฟื้นฟู ปรับสมดุลได้อย่างเต็มที่ ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

ทั้งหมดนี้คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเรื่องธรรมชาติบำบัดที่ดีต่อกาย ดีต่อใจ และยังเหมาะสมที่จะนำมาปรับใช้ในยุคนี้ เพราะเป็นการบำบัดชั้นดีที่ไม่มีผลข้างเคียง สามารถทำได้ทันที แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย..

“ARO-KAYA” (อะโร-กายา)
HEALTHCARE AND WELLNESS PRODUCTS
'ความสุขที่มาพร้อมกับสุขภาพที่ดี'